ระบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

ระบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

ในขณะนี้ร้านค้าออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบระบบการจัดส่ง การชำระเงิน และต้องผนวกกับเว็บไซต์ที่ต้องมีความสามารถในการรองรับทุกอุปกรณ์ให้สามารถเปิดดูได้ทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้านั้นสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตได้อย่างง่ายดาย

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นทำเว็บไซต์ หรือหรือเคยทำธุรกิจ e-Commerce มาแล้ว รับรองว่าระบบที่เราเลือกใช้ให้นั้นจะสามารถรองรับทุกความต้องการของการทำธุรกิจออนไลน์จาก SiteDee

 

คุณสมบัติเว็บไซต์ Ecommerce ที่ต้องมี

สำหรับใครหลายๆคน การเริ่มต้นทำธุรกิจ เปิดร้านค้าบน Social media ถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และง่ายต่อการสร้างแบรนด์ แต่ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้น การขายสินค้าบน Social media ก็อาจยังไม่เพียงพอ

หลายธุรกิจที่ต้องการขยายฐานลูกค้าออนไลน์ มักจะหันไปลงขายสินค้าบน Market Place อย่าง Shopee, Lazada หรือทำเว็บไซต์ E Commerce เพิ่มเติม เพื่อสร้างมั่นคงให้กับแบรนด์และ ทำการตลาดออนไลน์ให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

แต่การจะทำให้เว็บไซต์ E Commerce ประสบความสำเร็จได้ด้วยการออกแบบ และดีไซน์จากข้อมูลที่ได้สรุปจากการวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ เพื่อทำให้เกิด first impression ที่ดี ดังนั้นการทำงานจึงต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้าน CX UX UI เพื่อให้การใช้งานหรือมองเห็นไม่ว่าจะเป็นสื่อ, แอพพลิเคชั่น, หรือเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายดายต่อผู้บริโภคมากที่สุด

หากคุณมีความตั้งใจจริง ธุรกิจของคุณก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกับแบรนด์ หากเป้าหมายของคุณคือความสำเร็จบนโลกดิจิทัล คุณควรศึกษาว่าฟังก์ชั่นเว็บไซต์ eCommerce ของคุณ มีคุณสมบัติอะไรบ้างดังต่อไปนี้

ดูบริการด้านดิจิทัลเพิ่มเติม

1. USABILITY FIRST

76% ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ ต้องการเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย หาข้อมูลง่าย เลือกซื้อสินค้าก็ง่าย โดยผลสำรวจจาก Hubspot พบว่า ผู้ใช้งานเว็บไซต์ต้องการความสวยงามเพียงแค่ 10% เท่านั้น..

เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการออกแบบเว็บไซต์ eCommerce ก็คือ การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน หากเว็บไซต์ของเรามีความซับซ้อนมากเกินไป ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะออกจากเว็บไซต์

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายคือ คุณต้องวางโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ จัดหมวดหมู่สินค้าให้ชัดเจน เพื่อให้คุณได้เว็บไซต์ eCommerce ที่ใช้งานง่ายที่สุด

ผลงานดิจิทัลเอเจนซี่ในไทยของนีเวีย

CTA Design

CALL-TO-ACTION ออกแบบและวางปุ่มปิดการขายให้น่าสนใจ เพื่อเพิ่มอัตราการปิดการขายให้คุณ

2. MOBILE FRIENDLY

50% ของการชำระเงินออนไลน์มาจาก การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านมือถือหากคุณต้องการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ เว็บไซต์ของคุณต้องเป็น Responsive Website หรือรองรับการใช้งานบนมือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย

การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลทุกอุปกรณ์ ทั้ง PC / Laptop และ Mobile

ข้อดีของการใช้ Responsive Website นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแล้ว เว็บไซต์ที่รองรับมือถือยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับบน Google ด้วย

ผลงานดิจิทัลเอเจนซี่ในไทยของนีเวีย

การปรับจาก Mobile Site เป็น Responsive Website

ปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเทคนิคเพื่อให้ Support กับ Usability ท้องถิ่นในไทยจาก Global Initiate ให้มากที่สุด พร้อมการทำ Copy writing เป็นภาษาไทยของ nivea.co.th

3. คุณภาพรูปภาพประกอบเว็บไซต์ต้องคมชัด

ภาพสินค้าที่ใช้ ไม่ใช่แค่ถ่ายให้พอลงขายได้ แต่ต้องคม และชัดเจน มีความน่าสนใจ ดึงดูดความต้องการของลูกค้า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเห็นภาพสินค้าหลากหลายมุม และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน รวมถึงการซูมเข้า ซูมออกก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย

ถึงแม้ว่าเราต้องการภาพสินค้าที่คมชัด มีความละเอียดสูง แต่การอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ ก็ควรเลือกใช้นามสกุลไฟล์ที่มีขนาดเล็ก เพื่อให้ภาพบนเว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น โดยผลสำรวจของ Adobe พบว่าเว็บไซต์ที่ภาพสินค้าที่ใช้เวลาโหลดนาน หรือไม่ยอมโหลด จะส่งผลให้ลูกค้าลดลงถึง 39%

4. ระบบตะกร้าสินค้า และระบบสมาชิก

ฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ E Commerce จะขาดไปไม่ได้ ระบบตะกร้าสินค้า หรือระบบสั่งซื้อ เป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณสามารถซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ระบบตะกร้าสินค้าที่ดีจะต้องสามารถคำนวนราคาสินค้าได้อย่างแม่นยำ แจกแจงรายละเอียดสินค้าถูกต้อง จำนวน ราคา ส่วนลด ค่าขนส่ง และพาลูกค้าของเราไปจบที่หน้าชำระเงินได้ ครบ จบ ในที่เดียว

5. โปรโมชั่น ข้อเสนอที่น่าสนใจ

การจัดแคมเปญโปรโมชั่น หรือกิจกรรมทางการตลาดเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ หากเว็บไซต์ของคุณมีฟังก์ชั่นที่สามารถจัดโปรมชั่น ลด, แลก, แจก, แถมเหล่านี้ได้ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสร้างยอดขายได้ไม่ยากเลย

6. Search & Filter

ฟีเจอร์ Search หรือ Filter ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับเว็บไซต์ E Commerce เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีสินค้าอะไรบ้าง ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ลูกค้าตามหาสินค้าที่ต้องในเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

7. สินค้าที่เกี่ยวข้อง

การแนะนำสินค้าที่มีความเกี่ยวข้อง หรือใกล้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่เข้ามาช้อปในเว็บไซต์ หากคนที่เข้ามาไม่พบสินค้าที่เขาต้องการ หรือสินค้านั้นหมดสต๊อก ระบบแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสสร้างยอดขายได้

8. Social Proof

การใช้บุคคลมาบอกต่อกับลูกค้า ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยโน้มน้าวลูกค้าให้กล้าตัดสินใจซื้อ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการรีวิวสินค้านี่แหล่ะ มีนักช้อปออนไลน์กว่า 95% ที่อ่านรีวิวสินค้า และมี 57% เลือกซื้อสินค้า หรือบริการที่มีรีวิว 4 ดาวขึ้นไป โดย Social Proof ที่ถูกนำมาใช้กับการตลาดนั้นจะมีอยู่ 5 ประเภทก็คือ

  1. การให้ผู้เชี่ยวชาญมายืนยัน
  2. การใช้ผู้ที่มีชื่อเสียง มาบอกเล่าสินค้า
  3. การให้ผู้ใช้งานจริงมาบอกต่อ
  4. การบอกปากต่อปาก จากคนใกล้เคียง
  5. การใช้สิ่งที่คนกำลังให้ความสนใจนำเสนอ

TESTIMONIAL RECOMMENDATION สร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าและบริการ ด้วยเนื้อหารีวิวจากลูกค้าคุณ

9. ระบบ SSL

เพราะลูกค้าชำระเงินผ่านเว็บไซต์ของเราอยู่ตลอดเวลา ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ธุรกิจและแบรนด์ใหญ่ๆ มักตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ หน้าที่ของเราคือสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า การใช้ SSL หรือการทำเว็บไซต์ให้เป็น HTTPS จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ให้ลูกค้าช้อปได้อย่างมั่นใจบนเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับของ Google อีกด้วย

10. ช่องทางการรับชำระเงิน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ E Commerce จะขาดไปไม่ได้ การให้ความสะดวกกับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ของคุณต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือก รับได้ทั้งบัตรเดบิต และบัตรเครดิต

ลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์กว่า 48% เลือกชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิต หากคุณต้องเข้าลูกค้ากลุ่มนี้ ลองศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อให้คุณรู้จักและใช้ Payment Gateway ให้เหมาะกับธุรกิจคุณได้

11. ข้อมูลการจัดส่งสินค้า

เว็บไซต์ E Commerce ที่ดีจะต้องบอกรายละเอียดของการจัดส่งสินค้า ผู้ให้บริการขนส่งเป็นใคร มีกี่ตัวเลือก ใช้เวลานานเท่าไหร่ คิดค่าขนส่งอย่างไร นอกจากนี้ มีสถิติพบว่าลูกค้าจะตัดสินใจซื้อมากขึ้น 30% เมื่อร้านค้านั้นบริการส่งฟรี

12. ข้อมูลติดต่อ

สิ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์ E Commerce มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการให้ข้อมูลพื้นฐานครบถ้วน เช่น เบอร์ติดต่อ, Facebook, การเชื่อมต่อ การชำระเงิน ที่หน้าเว็บเพจ Contact us หรือ ติดต่อเรา ที่บอกรายละเอียดที่อยู่ และช่องทางการติดต่อของเราไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจว่าสามารถติดต่อหาเราเพื่อสอบถามสินค้าหรือติดต่อได้หากเกิดปัญหาใดๆขึ้น

นอกจากนี้หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้าน หรือมีหลายสาขา การเชื่อมต่อกับ Google Map ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอและยังสามารถนำทางไปร้านคุณได้อย่างถูกต้องด้วย

13. นโยบายการคืนสินค้า

เป็นไปได้ที่ลูกค้าอาจไม่พอใจกับสินค้าที่ได้รับ และมาจากหลายสาเหตุ สินค้าอาจมีข้อบกพร่อง เกิดการชำรุด หรือสินค้าไม่ตรงกับที่สั่ง แน่นอนว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการก็คือการขอเปลี่ยน หรือขอเงินคืน

เว็บไซต์ E Commerce จึงควรทำนโยบายการคืนสินค้าเป็นลายลักษณ์อักษรหรือมีภาพประกอบให้ชัดเจน นโยบายยังเป็นอีกคุณสมบัติที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า

ทำไมต้องคอยอัพเดทและดูแลเว็บไซต์?

  1. ตอบโจทย์ผู้เข้าชมในแต่ละช่วง
  2. มีเนื้อหาให้น่าติดตามเข้าชม
  3. รักษาพื้นที่ของแบรนด์ให้เป็น top-of-mind อยู่เสมอ
  4. อัพเดทเทคโนโลยีเว็บไซต์ที่มีเพื่อทำการตลาดและสร้างยอดขายได้

Website Services & Cloud Solutions

เราให้บริการด้านgเว็บไซต์และดิจิทัลที่ครบครัน ออกแบบเว็บไซต์ พัฒนาเว็บไซต์ ทำการประชาสัมพันธ์การตลาดออนไลน์ผ่าน SEO และโฆษณาออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ Google และโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ รวมไปถึงการสร้างสรรค์โปรดักชั่นสื่อวีดีโอและภาพนิ่งเพื่อให้เป็นที่รู้จักด้วยผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์มืออาชีพ